bookmark_borderวิธีป้องกันโรคเบาหวานง่ายๆด้วยตัวเอง

  ซึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยป้องกันเป็นโรคเบาหวานก็คือ ลดของหวาน ของอะไรที่มีรสหวานหรืออาหารอะไรที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลมากๆ  วิธีป้องกันโรคเบาหวานง่ายๆ  แนะนำว่าให้คุณหลีกเลียงแต่ต้อบอกว่าไม่จำเป็นเราจะต้องไม่กินหวานเลยไม่อย่างนั้นไม่มีความสุขแน่นอนสามารถทานหวานได้แต่ก็ให้พยายามลดของที่ไม่จำเป็น

โดยคำว่าของที่ไม่จำเป็นคืออะไรบ้างส่วนมากเราก็จะกินพวกน้ำหวานน้ำอัดลมหรือว่าพวกชากาแฟหรืออะไรต่างๆที่ขายตามร้านสะดวกซื้อแบบนี้แนะนำว่าถ้าเราหลีกเลียงได้ก็ให้หลีกเลี่ยงหรือว่าในอาทิตย์หนึ่งให้ทานแค่ประมาณขวดถึงสองขวดเท่านั้นก็จะช่วยลดระดับน้ำตาลของเราลงมาได้

นอกจากนี้พวกขนมหวานต่างๆไม่ว่าจะเป็นเค้กคุกกี้โดนัดอะไรที่หวานมากๆหรือว่าพวกขนมไทยต่างๆไม่ว่าจะเป็นฝอยทองทองหยิบทองหยอดแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงแนะนำว่าจะช่วยส่งผลทำให้สามารถป้องกันโรคเบาหวานได้

เนื่องจากนี้ให้ ลดแป้งลดข้าวลง สำหรับใครที่ชอบถามข้าวเยอะๆทานขนมปังขนมแฮมเบอร์เกอรอะไรเยอะๆแนะนำว่าให้ลดปริมาณลงเวลาที่เราตักข้างมาหนึ่งจานเราก็พยายามลดข้างลงาครึ่งหนึ่งแล้วเติมอย่างอื่นลงไปแทนอย่างอื่นจะมีอะไรบ้างก็จะมีพวกโปรตีนต่างๆอาจจะเป็นพวกเนื้อสัตว์ก็ได้เนื้อหมูไม่ติดมันเนื้อไก่แบบนี้ได้เนื้อปลาได้

ดังนั้นถ้าหากว่าคุณยังไม่อิ่มก็ให้เติมผักลงไปกินได้เลยแตงกวาผักกาดผักบุ้งอะไรแบบนี้กินได้เลยเพราะว่าพวกผักมันก็จะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงลองไปทำกันดูเพราะว่าการที่เรากินแป้งเยอะๆข้าวเยอะๆพวกนี้เป็นกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตเวลาเข้าไปในร่างกายย่อยเสร็จก็จะกลายเป็นน้ำตาลและจะไปสะสมในร่างกาย

เพราะฉะนั้นแล้วไม่ดียิ่งเรารับประทานเข้าไปเยอะๆเข้าไปเรื่อยๆโอกาสที่จะทำให้เรากลายเป็นโรคเบาหวานก็ได้รับรองเลยว่าหากคุณสามารถที่จะลดพวกนี้ได้เราก็จะไม่เป็นโรคเบาหวาน

ซึ่งต่อมาให้คุณ ลดของมันของทอด ต่างๆไม่ว่าจะเป็นหมูทอดไก่ทอดหรือว่าจะเป็นพวกเนื้อสัตว์ที่ติดมันพวกขาหมูหนังไก่ต่างๆแบบนี้ให้เราหลีกเลี่ยงเพราะว่าอาหารจะมีไขมันสูงมากๆเลยทีเดียวเวลาเรารับประทานเข้าไปแล้วมันก็จะไปสะสมตามเส้นเลือดของเรา

นอกจากที่มันจะเข้าไปสะสมที่ร่างกายของเราแล้วยังไปออกฤทธ์ต่ออินซูลินทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้น้อยลงพออินซูลินออกฤทธิ์ได้น้อยลงก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราสูงขึ้นๆแล้วก็จะส่งผลไปยังตับอ่อนของเราอีกด้วยตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมากๆขึ้น เมื่อทำงานหนักมากเกนไปทำให้ตับอ่อนเสื่อมลงก็จะส่งผลทำให้ตับอ่อนของเราไม่ผลิตอินซูลินก็จะทำให้คุณเกิดเป้นโรคเบาหวานขึ้นมานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ

bookmark_borderร่างกายเครียดทำให้ลดน้ำหนักและลดไขมันได้ยากขึ้น

สาวๆคนไหนที่มีอาการลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ยาก หรือ ไปต่อไม่ได้ ลดแล้วก็ติดๆ น้ำหนักไม่ลง ไขมันไม่ลง รู้หรือไม่ว่าความเครียดส่งผลให้ร่างกายเราไม่ยอมลดไขมันในร่างกายละ ไม่เชื่อเราลองมาดูกันเถอะว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับความเครียดของร่างกายบ้าง

ร่างกายเครียดทำให้ลดน้ำหนัก

 

1.น้ำหนักไม่ลง ชั่งน้ำหนักบ่อยเกินไป

เพื่อนๆและสาวๆ เชื่อไหมละว่าเวลาเราลดน้ำหนักหรือลดไขมันอยู่เราจะอยากรู้ว่าน้ำหนักลดลงหรือยัง ลงได้มากไหม และกลายเป็นว่าเพื่อนๆและสาวๆ ชั่งน้ำหนักเพื่อเช็คความเปลี่ยนแปลงซึ่งบางทีกลายเป็นว่าชั่งมากๆ และเลขในตราชั่งมันไม่เปลี่ยนหรือมันมากขึ้นกลับกลายว่าเรายิ่งเครียดนั้นเอง และเลยยิ่งลดน้ำหนักหรือลดไขมันยากขึ้นเลย 

2.ไม่กินแป้งเลย

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆคนคิดว่าแป้งคือตัวร้ายในการลดน้ำหนักซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่แป้งเลย เพราะหากเรากินได้เหมาะสมหรือเลือกกินแป้งที่ดีต่อร่างกายก็ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนักหรือลดไขมันเลย การที่เพื่อนๆและสาวๆ ไม่กินแป้งเลย ทั้งๆที่ร่างกายยังต้องการหรือตัวเราชอบ และกลับกลายเป็นเรื่องเครียดเวลาจะกินอาหารไปโดยไม่รู้ตัวได้เลยนะ

3.กินน้อยเกินไป

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดไขมัน เลือกวิธีการลดด้วยการกินน้อยนั้นเอง และกลายเป็นว่ากินน้อยลงไปเรื่อยๆ หรือ แทบไม่กิน ใช่แล้วช่วงแรกๆ น้ำหนักเพื่อนๆและสาวๆ จะลงอย่างแน่นอน แต่ไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาวเลย เพราะว่าการที่เรากินน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายเครียดและเริ่มไม่ยอมเผาผลาญไขมันเพื่อรักษาพลังงานเนื่องจากเรากินน้อยเกินไปนั้นเอง 

4.ออกกำลังกายหักโหม

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดไขมัน นั้นต้องออกกำลังกายนั้นทำถูกแล้ว  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล   แต่หากเพื่อนๆและสาวๆ ที่ออกกำลังกายมากๆ หรือ ออกกำลังกายหักโหมมากเกินไป กลายเป็นร่างกายเราเกิดความเพลียและสะสมความเครียดได้ และจะทำให้ร่างกายเรามีระบบเผาผลาญไขมันแย่ลงจากการออกกำลังกายหนักด้วยนะ 

5.นอนน้อย ร่างกายไม่ได้พักผ่อน

เพื่อนๆและสาวๆ ที่ทำงานหนักหรือไม่ค่อยได้พักผ่อนหรือ นอนน้อยเกินไป ทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้นะ เพราะว่าการที่เรานอนน้อย ร่างกายเราจะเกิดความเครียดจากการไม่ได้พักผ่อน และทำให้เราหิวบ่อยหรืออยากกินของจุบจิบตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อนๆและสาวๆ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ 

6.รับแรงกดดันจากคนรอบข้างไม่ไหว

เพื่อนๆและสาวๆ ไม่ต้องแคร์คำพูดคนอื่นว่า ลดไม่ได้ ลดช้า หรืออะไรก็ตามที่ทำให้จิตใจเราท้อหรือเครียด เพราะว่าเราจะเป็นคนลดเองเราจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของมันละ

bookmark_borderDoctor Talk เบต้ากลูแคน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านโรคภูมิแพ้

Doctor Talk เบต้ากลูแคน ณ ปัจจุบันมีโอกาสที่จะเกิดการระบาดรอบสองในประเทศไทยได้แน่นอนไม่ต้องไปตื่นตระหนกแต่ว่าให้ระมัดระวังตัวเองแล้วก็ดูแลสุขภาพของเรา โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดภูมิคุ้มกันกลุ่มนี้เรียกว่าlnnate lmmunity เป็นภูมิคุ้มกันที่คอยจัดการไวรัสแบคทีเรียเชื้อโรค

แม้ว่าในร่างกายเราไม่เคยเจอเชื้อไวรัสหรือเชื้อโรคนี้มาก่อนมันก็สามารถจัดการได้โดยปกติแล้วเราเกิดมากับระบบภูมิคุ้มกันก็คือเม็ดเลือดขาว ระบบภูมิคุ้มกันนี้มันจะแข็งแรงทรงประสิทธิภาพสูงสุดตอนที่เราอายุประมาณยี่สิบปีแต่หลังจากยี่สิบปีไปแล้ว

ระบบภูมิคุ้มกันประสิทธิภาพลดลงแต่เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด

เริ่มตั้งแต่เรื่องของการนอนคนที่นอนหลับไม่เพียงพอนอนน้อยกว่าห้าชั่วโมงส่งผลต่อเม็ดเลือดขาวโดยตรงเลย สองคนที่เป็นคนที่คิดวิตกกังวลคิดล่วงหน้าเครียดก็ส่งผลต่อเม็ดเลือดขาวทำให้เม็ดเลือดขาวประสิทธิภาพทำงานลดลง

อันที่สามก็คือเรื่องของการออกกำลังกายก็พบว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยหรือในกลุ่มนักกีฬาที่ออกกำลังกายหนักจนเกินไปส่งผลเพิ่มฮอร์ดมนตัวหนึ่งก็คือฮอร์ดมนGlucocorticoid เป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดกดระบบภูมิคุ้มกัน

เพราะฉะนั้นออกกำลังกายทางสายกลางไม่น้อยไปแล้วก็ไม่มากเกินไปสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเลยที่เราสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ก็คือเรื่องของการรับประทานอาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหูหนูเห็ดหอมแล้วก็ตระกูลเห็ดต่างๆถ้าเรารับประทานอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันเม็ดเลือดขาวให้แข็งแรงได้ 

ซึ่ง เบต้ากลูแคน มันก็มีสกัดมาจากพืชหรือแหล่งได้หลายแหล่งอย่ายกตัวอย่างสกัดมาจากผนังเซลล์ของพวกเห็ดทางการแพทย์หรือสกัดมาจากพวกยีสต์ ประสิทธิภาพก็คือช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้

โดยภูมิมคุ้มกันจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกก็คือภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด ภูมิคุ้มกันกลุ่มนี้เป็นกลุ่มพวกเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่เรียกสั้นๆว่า NK Cells เม็ดเลือดขาวกลุ่มนี้ก็คือจะออกลาดตระเวนอยู่ในกระแสเลือดเราอยู่ในเนื้อเยื้อต่างๆคอยเก็บกินพวกไวรัสแบคทีเรียที่ร่างกายไม่เคยพบมาก่อนแล้วก็พวกเซลล์มะเร็ง

กลุ่มที่สองจะเป็นภูมิคุ้มกันที่เราได้รับมาเป็นAcquired lmmunity ก็คือหมายความว่าร่างกายเราเมื่อในอดีตเคยเจอเชื้อโรคกลุ่มนั้นมาแล้วและก็มีกาสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อจดจำเชื้อไวรัสนั้นโดยการส้รางเป็นแอนติบอดีขึ้นมาก็เวลาเรารับประทานเบต้ากลูแคนเข้าไปมันจะถูกดูดซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ที่ลำไส้เล็กแล้วก็เข้าไปในกลุ่มของน้ำเหลืองกลุ่มหนึ่งกลุ่มนี้เหลืองกลุ่มนี้มันจะมีเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ที่เรียกว่าMacrophageอยู่

โดยMacrophageจะมีตัวรับเบต้ากลูแคนเมื่อมันจับกับตัวรับตัวนี้แล้วจะทำให้เม็ดเลือดขาวกลุ่มนี้ทำงานเหมือนขยันขันแข็งมีActivitvดี

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังอย่างดี

bookmark_borderปวดศีรษะ ลักษณะของการปวดหัวแบบไหน ถึงเรียกว่า “ผิดปกติ”

ไม่ว่าผู้ใด อายุมากแค่ไหน ผู้ชายหรือผู้หญิง ก็ปวดศีรษะได้ สาเหตุที่จะส่งผลให้เกิดลักษณะของการปวดหัวก็มีเยอะแยะหลายแบบเลย กระทั่งเราอาจไม่เคยรู้ชัดเจนว่ามีสาเหตุจากมาจากอะไรกันแน่ นอกเหนือจากความเคร่งเครียด พักน้อยเกินไป หรือปวดหัวจากอาการป่วยหนัก ไม่สบายแล้ว ยังมีอีกหลายกรณีที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดลักษณะของการปวดหัว รวมทั้งลักษณะของการปวดหัวก็มีหลายประเภทเลยด้วยประเภทไหนอันตรายถึงกับขนาดพาราเซตามอลก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยมาดูกัน

สาเหตุของอาหารปวดหัว ที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง

  1. การที่เราเกิดการ เครียด ไม่สบายใจ ทำงานมากจนกระทั่งเกินความจำเป็น
  2. การใช้สายตาจ้องดูจ้องมองสิ่งหนึ่งสิ่งใดเยอะเกินไป ตัวอย่างเช่น จ้องมองคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต และก็ยังรวมทั้งทีวี
  3. การที่อ่านหนังสือ ใช้งานคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ตในที่ๆมีแสงไฟไม่พอหรือแสงไฟที่น้อยมากจนเกินไป
  4. การที่มีการรับสารคาเฟอีนเยอะเกินไป เนื่องมาจากการดื่มกาแฟเยอะเกินไป (มากยิ่งกว่า 2 แก้วต่อวัน)
  5. การที่นอนหลับพักผ่อนไม่พอ หรือการที่มีการนอนดึกดื่นตื่นสายเป็นประจำ
  6. การที่ปวดศีรษะจากการเป็นไข้ ป่วยหนัก

โดยลักษณะของการปวดหัวจากปัจจัยตามข้างบน  การปวดหัวแบบไหน   จะเป็นลักษณะของการปวดหัวทื่อๆกระทั่งเป็นผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันน้อย เป็นต้นว่า ทำงานต่อมิได้ ไม่สามารถที่จะนึกอะไรคิดอะไรออก แม้กระนั้นยังสามารถทนอาการได้ ทานยาพาราอย่างพาราเซตามอล หรือแอสไพริน และก็นอนพักครู่หนึ่งก็หายปกติ

แต่หากมีอาการปวดหัวตามลักษณะนี้ อาจมีความปกติที่จำเป็นจะต้องพบแพทย์

  1. ปวดศีรษะมาก บางทีก็อาจจะปวดศีรษะด้านเดียว ลุกลามไปถึงกระบอกตา หน้ามืด
  2. ต้นเหตุ อาจมาจากปวดศีรษะไมเกรน หรือต้อหินกะทันหัน
  3. ปวดศีรษะหลายหนกระทั่งมากจนเกินไป มากยิ่งกว่า 1 ครั้งใน 1 สัปดาห์ และก็ปวดสม่ำเสมอเป็นเดือนๆ

ต้นเหตุ อาจจะเกิดปัญหาด้านระบบประสาท

  • ปวดศีรษะร้ายแรงแบบทนอาการมิได้ แล้วก็มีอาการอาเจียนอ้วก ตาฟางมัว
  • ต้นเหตุ เป็นได้หลายประเภท อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเลือดไหลในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือมีความผิดปกติของส่วนหนึ่งในสมอง
  • ปวดศีรษะหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วช่วงเช้า ปวดศรีษะกระทั่งจำเป็นต้องตื่น
  • ปัจจัย นอกเหนือจากความเคร่งเครียดแล้ว ยังสามารถที่จะมีความเสี่ยงในการเป็นเนื้องอกในสมอง
  • แม้กระนั้น ถ้าเกิดคิดว่าลักษณะของการปวดหัวแพร่กระจาย หรือไม่สามารถทำการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ควรจะรีบไปหาหมอโดยไม่ต้องคอยให้เกิดลักษณะของการปวดหัวจะดีกว่า

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังราคาถูก

bookmark_borderนิสัยดีมีชัยต่อหุ่นของเราด้วยนะ

นิสัยดีมีชัยต่อหุ่นของเราด้วยนะ เพื่อนๆ และสาวๆ การที่เรามีนิสัยที่ดีต่อร่างกายและสุขภาพเรา จะเป็นที่มาของการที่เรามีหุ่นดีๆได้ด้วยนะ เพื่อนๆ และสาวๆ มาดูกันเถอะ ว่านิสัยอะไรที่ดีต่อหุ่นเรากันบ้าง 

-เลิกนิสัยกินไปทำนู้นทำนี่ไปด้วย 

เพื่อนๆและสาวๆ รู้หรือไม่ว่านิสัยอันตรายต่อการลดน้ำหนักหรือทำให้เราอ้วนโดยไม่รู้ตัวนั้นก็คือการกินไปด้วยทำนู้นทำนี่ไปด้วย ยกตัวอย่างกินไปด้วย ดูทีวีไป ด้วย กินไปด้วยนั่งทำงานไปด้วย การกินแบบนี้ทำให้เรากินในจำนวนมากๆ โดยไม่รู้ตัวเลยนะ และเป็นที่มาของแคลอรี่เกินความต้องการนั้นเอง

-กินอาหารเร็วไม่ดีหรอกนะ หันมาเคี้ยวช้าๆ ดีกว่า

เพื่อนๆ คนไหนที่ติดกินเร็ว เคี้ยวเร็ว กลืนเร็วๆ นั้นไม่ดี หรอกนะ เพราะว่าการที่เพื่อนๆ กินเร็วๆ ก็จะทำให้เพื่อนๆ กินเยอะ กินมากเกินความต้องการของร่างกายได้นะ กว่าจะรู้สึกอิ่ม บางทีเรากินเยอะจนไม่รู้ตัวก็ได้นะ เพราฉะนั้นหันมาเคี้ยวช้าๆ กินช้าๆ ดีกว่านะ เราจะได้กินเท่าที่ร่างกายเราหิวจริงๆ เพราะการที่เราเคี้ยวช้ากินช้าจะทำให้ร่างกายสั่งไปที่สมองว่าเราอิ่ม และการเคี้ยวช้ากินช้าๆเราก็ยังกินในปริมาณที่สมองสั่งว่าอิ่มเท่านั้นจริงๆ

 

-เลิกเสียดายของเถอะ

เพื่อนๆ คนไหนที่ขี้เสียดายของ ต้องเปลี่ยนนิสัยนี่ก่อนเลยเพราะว่าการเพื่อนๆ ยังขี้เสียดายนั้นทำให้เรากินอาหารที่ไม่จำเป็นเกินความต้องการของร่างกายได้เลยนะ ดังนั้นเลิก เถอะ อย่าไปเสียดายอาหารเลย และวิธีแก้ที่ดีที่สุด คือตักมาแค่พอเหมาะ อย่าตักเกินความจำเป็นเราจะได้ไม่เสียดาย หรือ แบ่งกินหลายๆ มื้อก็ได้

-เลิกด่วนๆติดขนม ของหวาน 

เพื่อนๆ และสาวๆ ยุคนี้รับรองว่าต้องติดชานมไข่มุกก็ดี ขนมหวานก็ดี อยากบอกว่าแหล่งที่มาของความอ้วนเลยนะนั้น เพราะว่าการทื่เพื่อนๆ ติดหวาน ขนมหวาน เครื่องดื่มหวาน จะทำให้เราอยากกินบ่อยๆ เรื่อยๆ เหงาปาก หิว ก็อยากของหวานๆ ก็เลย แนะนำว่าหากเพื่อนๆ อยากจะกินของหวานจริงๆ ให้เลือกมากินผลไม้หวานน้อยๆ แทนเอานะ 

-อย่าเครียดแล้วเลือกที่จะกินนะ

เพื่อนๆ หลายๆ คนเลย ที่เครียดแล้วไปปลดปล่อย กับการกิน กินบุฟเฟ่ห์ กินของทอด กินขนม กินของหวาน นิสัยนี้อันตรายมากๆเพราะทำให้เรากินบ่อยๆได้โดยไม่รู้ตัวเลยนะ เพราะว่าจริงๆแล้วหากเพื่อนๆ เครียดสามารถเปลี่ยนจากกินเป็น ไปเดินเล่น ไปออกกำลังกายแทนได้นะ  อย่างน้อยก็ไม่เพิ่มแคลอรี่แถมช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ด้วยนะ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด

bookmark_borderอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ

อาการบาดเจ็บที่ข้อมือมักเกิดขึ้นเมื่อเชียร์ลีดเดอร์ตกลงไปบนมือที่เหยียดออก การบาดเจ็บของกระดูกและเอ็นที่ข้อมืออาจเกิดขึ้นได้จากการหกล้ม การรักษาเริ่มต้นด้วย RICE นักกีฬาควรไปพบแพทย์หากข้อมือบวมหรือเจ็บในวันถัดไป มักจำเป็นต้องใช้รังสีเอกซ์ ปวดหลังส่วนล่าง Spondylolysis ซึ่งเป็นภาวะกระดูกหักจากความเครียดในกระดูกสันหลัง เป็นอาการบาดเจ็บที่พบบ่อยในนักกีฬาที่ทำกิจกรรมกระโดดน้ำ การกลิ้งตัว และการดัดหลังเป็นจำนวนมาก อาการต่างๆ ได้แก่ ปวดหลังส่วนล่างที่รู้สึกแย่ลง

อาการบาดเจ็บที่ข้อมือ เมื่อใช้การยืดหลัง เช่น แบ็ควอล์คโอเวอร์หรือหลังแฮนด์สปริง เชียร์ลีดเดอร์ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างนานกว่า 2 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์ รังสีเอกซ์มักจะเป็นปกติในตอนแรก ดังนั้นการทดสอบอื่นๆ จึงมักมีความจำเป็นในการวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน

นักกีฬาที่เป็นโรคกระดูกพรุนต้องพักจากกิจกรรมการยืดหลังเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และมักจะเป็นเดือน กายภาพบำบัดเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องจะช่วยให้นักกีฬาฟื้นตัว ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือจัดฟันหลัง อาการบาดเจ็บที่ศีรษะ การถูกกระทบกระแทกในการเชียร์ลีดเดอร์มักเกิดขึ้นเมื่อหัวของเชียร์ลีดเดอร์กระทบพื้นหลังจากการล้มอย่างรุนแรง การถูกกระทบกระแทกคือการบาดเจ็บของสมองที่ขัดขวางการทำงานของสมองตามปกติชั่วคราวหรือถาวร

อาการและอาการแสดงของการถูกกระทบกระแทกมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงชัดเจน และมักเกิดขึ้นทันทีหลังการบาดเจ็บ แต่อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันกว่าจะปรากฎ นักกีฬาที่ได้รับการกระทบกระเทือนอาจรายงานว่ารู้สึกปกติก่อนที่สมองจะฟื้นตัวเต็มที่ ด้วยการสั่นสะเทือนส่วนใหญ่ผู้เล่นจะไม่ถูกทำให้ล้มลงหรือหมดสติ

การกลับมาเล่นก่อนวัยอันควรหลังจากการถูกกระทบกระแทกอาจนำไปสู่การถูกกระทบกระแทกอีกครั้งหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ นักกีฬาที่มีประวัติการถูกกระทบกระแทกอาจอ่อนไหวต่อการบาดเจ็บอื่นมากกว่านักกีฬาที่ไม่มีประวัติการถูกกระทบกระแทก การถูกกระทบกระแทกทั้งหมดเป็นเรื่องร้ายแรง และนักกีฬาทุกคนที่สงสัยว่าถูกกระทบกระแทกไม่ควรกลับไปเล่นจนกว่าจะพบแพทย์

บาดเจ็บสาหัสการบาดเจ็บจากภัยพิบัติอาจเกิดขึ้นได้หากเชียร์ลีดเดอร์ตกลงมาจากยอดปิรามิด ลิฟต์ หรือโยนตะกร้า การบาดเจ็บที่ศีรษะ เช่น การถูกกระทบกระแทกหรือกะโหลกแตกหัก และการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง เช่น กระดูกหักหรืออัมพาต อาจเกิดขึ้นหลังจากการหกล้มอย่างรุนแรง หากเกิดการหกล้มอย่างรุนแรง

นักกีฬาไม่ควรเคลื่อนไหวและควรเริ่มแผนฉุกเฉินทันที ห้ามนักกีฬาที่มีการกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บกระดูกสันหลังควรกลับไปเล่นกีฬา เว้นแต่แพทย์จะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร จดจำ การบาดเจ็บของเชียร์ลีดเดอร์สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแล การสังเกต และการปฏิบัติตามกฎและแนวทางด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมในการเชียร์ลีดเดอร์

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

bookmark_borderการประเมินวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีอย่างรวดเร็ว

ความชุกของโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อตามอายุได้เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในหลายภูมิภาคของโลก

การประเมินวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี รวมถึงในยุโรป แบบจำลองและกลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การดูแลป้องกัน รวมถึงการระบุปัจจัยเสี่ยงที่เป็นต้นเหตุของโรคและการลุกลามของโรค และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม อาจช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต การมีชีวิตที่มีสุขภาพดี

และการสูงวัยอย่างกระฉับกระเฉง Healthy Lifestyle Innovative Quarters for Cities and Citizens (HeaLIQs4cities) เป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก EIT Health มุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วม เพิ่มขีดความสามารถ และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี 

หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้คือการพัฒนาชุดเครื่องมือสำหรับการประเมินวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีอย่างรวดเร็วและไม่เป็นทางการ เพื่อนำไปใช้ในระดับต่างๆ ของเส้นทางการดูแล รวมถึงในสภาพแวดล้อมสาธารณะที่ไม่เป็นทางการ ในบทความนี้ เราอธิบายวิธีการที่เป็นพื้นฐานของการพัฒนาชุดเครื่องมือ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการแบบสหวิทยาการ ตั้งแต่การแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา จิตวิทยา เศรษฐศาสตร์สุขภาพ และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่นำไปใช้กับสุขภาพ

ส่วนประกอบแปดอย่างต่อไปนี้รวมอยู่ในชุดเครื่องมือ การประเมินสัดส่วนร่างกายและพารามิเตอร์คาร์ดิโอเมตาบอลิซึม การออกกำลังกายและการออกกำลังกาย ความเป็นอยู่ที่ดี ความสามัคคีในสังคม และความเป็นอิสระในการทำงาน  โภชนาการ สุขภาพจิต  การสูบบุหรี่ การดื่ม และการใช้สารผิดกฎหมาย นิสัยและคุณภาพการนอนหลับ และสุขภาพและโรค มีการใช้ระบบการให้คะแนนสัญญาณไฟจราจรที่ระบุคะแนนความเสี่ยง (ต่ำ: สีเขียว ปานกลาง: สีเหลือง และที่เกี่ยวข้อง: สีส้ม) สำหรับส่วนประกอบทั้ง 8 รายการ พร้อมคำแนะนำสำหรับผู้ใช้ชุดเครื่องมือ หลังจากเสร็จสิ้นชุดเครื่องมือรุ่นที่ลดแล้ว 

บุคคลที่แสดงความเสี่ยงในระดับปานกลางหรือที่เกี่ยวข้องในหนึ่งหรือหลายมิติจาก 8 มิติ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประเมินที่มีรายละเอียดมากขึ้น (รุ่นชุดเครื่องมือแบบยาว) โดยอิงจากเครื่องมือที่ลึกกว่าและได้รับการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว ชุดเครื่องมือนี้รวมอยู่ใน eVida

ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบนเว็บที่เน้นการให้บริการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเฉพาะบุคคล การตรวจสอบความถูกต้องของชุดเครื่องมือปัจจุบันได้ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมสาธารณะที่หลากหลายในสามภูมิภาคยุโรปที่แตกต่างกัน การปรับใช้ชุดเครื่องมือในวงกว้างคาดว่าจะได้รับผลกำไรจากเครือข่ายความร่วมมือไซต์อ้างอิงของ European Innovation Partnership on Active and Healthy Aging (EIP on AHA)

ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา อายุขัยของมนุษย์เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่      สาเหตุหลักมาจากยาที่มีประสิทธิภาพ โภชนาการที่ดีขึ้น สภาพที่ถูกสุขลักษณะ/สุขอนามัย ตลอดจนการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น ปรากฏการณ์นี้ ประกอบกับอัตราการเกิดที่ลดลงในหลายภูมิภาคของโลก ส่งผลให้ประชากรสูงอายุของโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก  ดังนั้น ภายในปี 2030 ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เป็นมากกว่า 1.4 พันล้านคน  ยุโรปได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ และโปรตุเกส

โดยคาดว่าอัตราส่วนการพึ่งพาอายุโดยรวมที่ 89.7% ในปี 2070 จะอยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดใน การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในภูมิภาคกลางของโปรตุเกส ซึ่งปัจจุบันแสดงดัชนีอายุสูงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป 

คนเรามีอายุยืนยาวขึ้นแต่ไม่จำเป็นต้องมีสุขภาพที่ดีเสมอไป อันที่จริง ความชุกของโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับอายุได้เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งและโรคทางระบบประสาท กลายเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตทั่วโลก  หลักฐานอีกประการหนึ่งคือการกระจายอายุขัยที่มีสุขภาพดี  สิ่งนี้มีผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่สำคัญอันเนื่องมาจากการลดลงของประชากรที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นพร้อมกันในผู้เกษียณอายุที่ต้องการการรักษาพยาบาลและความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ

bookmark_borderโปรแกรมฝึกแปลงร่างอาจทำให้คุณเสียเวลา

ขอบคุณสื่อสังคมออนไลน์ เป็นการยากที่จะหลีกหนีจากการได้ยินเกี่ยวกับระดับความฟิตของผู้คน ไซต์เช่น Facebook และ Instagram ให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเยี่ยมชมยิมของผู้ใช้ แผนโภชนาการ และผลการแข่งขัน เซลฟี่บันทึกทุกตารางนิ้วของการสูญเสียไขมันและการเพิ่มกล้ามเนื้อ และส่งเสริมแผนการฝึก “มหัศจรรย์” ที่อ้างว่าสามารถสร้างรูปร่างของคุณได้โดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย ขออภัย การอ้างสิทธิ์ส่วนใหญ่เหล่านี้ไม่ได้อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ และอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับความคาดหวังของคุณ

โปรแกรมฝึกแปลงร่าง การตอบสนองของคุณต่อการฝึกออกกำลังกายไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบอบการปกครองที่คุณปฏิบัติตาม แต่ยีนของคุณตอบสนองได้ดีเพียงใด ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และสภาพแวดล้อมของคุณ ที่จริงแล้ว คุณสามารถทำตามแผนการฝึกเปลี่ยนโฉมและพบว่ามันไม่สร้างความแตกต่างให้กับความฟิตของคุณเลย

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การวิจัยได้พัฒนาการทดสอบจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งสามารถทำนายว่าเราจะทำผลงานได้ดีเพียงใดในการแข่งขัน ที่รู้จักกันดีที่สุดคือตัวทำนายเวลาแข่งขันและเครื่องคิดเลขสำหรับการโหลดสูงสุดที่คุณสามารถจัดการได้สำหรับการออกกำลังกายแบบฝึกน้ำหนัก เครื่องมือคาดการณ์เหล่านี้ล้วนถือว่าถ้าคุณทำการฝึกอบรม คุณจะได้ผลลัพธ์และคุณไม่มีขีดจำกัด แต่การวิจัยมากขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างผู้คนเมื่อพูดถึงวิธีที่ร่างกายของเราตอบสนองต่อการออกกำลังกาย สิ่งนี้แสดงให้เห็นครั้งแรกในปี 2538

โดยการศึกษามรดกครอบครัวที่เป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อประเมินบทบาทของปัจจัยทางพันธุกรรมและไม่ใช่พันธุกรรมในการตอบสนองของหัวใจและหลอดเลือด การเผาผลาญและฮอร์โมนต่อการออกกำลังกายแบบแอโรบิก

ในการศึกษาหนึ่ง 742 คนนั่งนิ่งโดยสมบูรณ์ได้รับโปรแกรมการฝึกอบรม 20 สัปดาห์ที่เหมือนกันและมีความท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ และวัดการตอบสนองทางสรีรวิทยาของพวกเขา ผู้เข้าร่วมยังได้รับการปรับอายุ เพศ มวลกาย และองค์ประกอบของร่างกาย เพื่อศึกษากลุ่มต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน หลังการฝึก ประสิทธิภาพแอโรบิกดีขึ้นโดยเฉลี่ย 19% แต่ในขณะที่ผู้เข้าร่วมบางคนพัฒนาขึ้นมากถึง 40% แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้พัฒนาเลย นักวิจัยระบุว่าคนที่โชคร้ายเหล่านี้ “ไม่ตอบสนอง”

พูดอย่างน้อยก็น่าหงุดหงิดที่คิดว่าการฝึกซ้อมอย่างหนักเหล่านั้นอาจไม่มีค่าอะไรเลย มีการตอบสนองต่อการฝึกที่หลากหลายมากสำหรับทุกเพศทุกวัย เชื้อชาติ เพศ และระดับของสมรรถภาพเบื้องต้น ด้วยการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มต่างๆ ทำให้สามารถระบุได้ว่าปัจจัยทางพันธุกรรมอธิบายเกี่ยวกับความแปรปรวนของสมรรถภาพแอโรบิกประมาณ 40% หลังโปรแกรมการฝึก 20 สัปดาห์ ข้อมูลนี้ช่วยให้เราทราบถึงความสำคัญของปัจจัยทางพันธุกรรมที่มีต่อผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพ

การศึกษาไม่ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อธิบายผลลัพธ์ที่หลากหลาย แม้ว่างานวิจัยอื่นๆ จะแนะนำว่าความแตกต่างในการวัดขนาดร่างกาย ความมุ่งมั่น และความมุ่งมั่นส่วนตัวสามารถมีบทบาทสำคัญ แต่ไม่มีตัวแปรที่ไม่ใช่พันธุกรรมที่วัดก่อนการฝึกอบรมที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อความแตกต่างระหว่างผู้เผชิญเหตุและผู้ไม่ตอบสนอง

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าการตอบสนองต่อโปรแกรมการฝึกอบรมที่หลากหลายเป็นตัวอย่างของความหลากหลายทางชีวภาพตามปกติของมนุษย์ ความแตกต่างในความสามารถของผู้คนในการปรับตัวให้เข้ากับการออกกำลังกายเป็นประจำนั้นทำได้ดีกว่าข้อผิดพลาดในการวัดค่าและความผันผวนในแต่ละวัน ดังนั้นสามารถบอกเราได้มากมายเกี่ยวกับกลไกทางสรีรวิทยาและเมตาบอลิซึมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ครอบครัวมีความแปรปรวนมากกว่าครอบครัวถึง 2.5 เท่า ในแง่ของการออกกำลังกายแบบแอโรบิก

แต่ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างระดับแอโรบิกระดับเริ่มต้นกับการเปลี่ยนแปลงหลังการฝึก ดังนั้นดูเหมือนว่ายีนชุดหนึ่งมีอิทธิพลต่อระดับเริ่มต้นและยีนอีกชุดหนึ่งมีอิทธิพลต่อการตอบสนองต่อการฝึก ด้วยเหตุนี้ ส่วนหนึ่งขององค์ประกอบทางพันธุกรรมของฟิตเนสแอโรบิกจึงเข้ามามีบทบาทในการตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย    หูตึงรักษาหายไหม

bookmark_borderทำอย่างไรให้มั่นใจโดยไม่ต้องแต่งหน้า

ทำอย่างไรให้มั่นใจ หากคุณค้นหาบนอินเทอร์เน็ตหรือแม้แต่ในเว็บไซต์นี้ คุณจะต้องพบบทความและโพสต์ที่ให้เหตุผลว่าทำไมคนถึงแต่งหน้า คุณยังต้องพบกับบทความและโพสต์ที่สอนวิธีมั่นใจโดยไม่ต้องแต่งหน้า

ดังนั้นฉันจึงเพิ่มสองเพนนีของฉันในการอภิปราย มาจากคนที่ไม่แต่งหน้าเยอะและไม่เคยแต่งหน้ามาก่อน ฉันทำอายไลเนอร์และมาสคาร่าทุกวัน แต่ฉันสามารถทำได้มากขึ้น ทำไมฉันไม่? สุจริตฉันขี้เกียจเกินไปและฉันไม่ได้เก่งที่สุดในการแต่งหน้าอยู่ดี ฉันสามารถทำพื้นฐานได้ แต่ฉันไม่ใช่ James Charles หรือ Zoella ดังนั้นคุณอาจกำลังคิดว่า ‘คุณจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับความรู้สึกสบายใจ

โดยไม่ต้องแต่งหน้าได้อย่างไรถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับการแต่งหน้า’ นั่นเป็นคำถามที่ดีและคำตอบคือประสบการณ์    ครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก   แม้ว่าฉันจะไม่มีประสบการณ์โดยตรง แต่ฉันก็มีเพื่อนที่ฉันคุยด้วยและพวกเขาได้บอกความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตอนนี้ฉันจะแบ่งปันบางส่วนกับคุณและให้แนวคิดเกี่ยวกับวิธี ‘เลิกแต่งหน้า’ คุณสามารถพูดได้และวิธีรู้สึกมั่นใจและสบายใจเมื่อคุณผ่านขั้นตอนนั้น ขั้นตอนแรกคือการหย่านมตัวเองจากการแต่งหน้า มีสองวิธีในการทำเช่นนี้ คุณสามารถลดปริมาณการแต่งหน้าหรือสวมใส่ได้เป็นประจำ คุณสามารถเปลี่ยนจากการแต่งหน้าทุกวันเป็นสวมใส่ในโอกาสพิเศษเท่านั้น – คล้ายกับไปไก่งวงเย็นถ้าคุณเป็นคนติดยา มีแนวโน้มว่าจะยากกว่าการลดปริมาณการแต่งหน้าที่คุณใส่ทุกวัน สมมติว่าคุณหยุดทาอายแชโดว์ ความแตกต่างเล็กน้อยแต่หมายความว่าคุณไม่ได้ปกปิดมากนัก

แล้ววันอื่นคุณเลิกใส่คอนซีลเลอร์ เมื่อคุณมั่นใจเช่นนั้น คุณก็ถอดรากฐานของคุณออก ไม่มีลำดับใดที่คุณต้องทำ แต่เพียงแค่ค่อยๆ ลดการใช้เครื่องสำอางลง เพื่อให้คุณคุ้นเคยกับการสวมใส่น้อยลง และหากต้องการ ให้ลดความถี่ในการสวมใส่ลง คุณเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ตอนนี้คุณหย่านมแล้ว แล้วตอนนี้ล่ะคุณเปลือยเปล่าและรู้สึกอ่อนแอ เรื่องนี้จะฟังดูซ้ำซาก แต่ฟังฉันให้ดี: ยอมรับความไม่มั่นคงของคุณหรือสิ่งที่คุณมองว่าเป็นข้อบกพร่อง คุณไม่ใช่คนเดียวที่มีสิว สิว หรือผิวเป็นด่าง และยังไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แม้แต่เทพเจ้าและเทพธิดา ที่นิทรรศการศิลปะ Chicago MOMA มีรูปปั้นของ Aphrodite จัดแสดงอยู่ อโฟรไดท์เป็นเทพีแห่งความรักและความงาม ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะสวยและสมบูรณ์แบบ แต่รูปปั้นนี้มีอะไร ร่างกายม้วน แม้แต่อโฟรไดท์เทพีแห่งความงามและความสมบูรณ์แบบ ก็ไม่สมบูรณ์แบบ แม้แต่เธอมีม้วนตัว ดังนั้นคุณจึงมีสิวหรือผิวเป็นรอย หากมีรูปปั้นของเธอที่ทำให้ร่างกายของเธอม้วนเป็นอมตะ คุณสามารถเป็นเจ้าของความไม่มั่นคงเหล่านั้นได้

สุดท้าย จัดการกับความไม่มั่นคงของคุณในแบบที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสม ถ้าคุณรู้สึกว่าการพูดถึงพวกเขาช่วยได้ ให้จัดการนอนหลับพักผ่อนหรือทานอาหารกับเพื่อนซี้และพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ หากคุณรู้สึกว่าการส่องกระจกและบอกตัวเองบางอย่างช่วยได้ ให้ส่องกระจกทุกเช้าและบอกตัวเองว่าคุณสวย สิวคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร ทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจ เชื่อในสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณควรเชื่อว่าคุณสวยและคู่ควรกับความมั่นใจและความรัก เพราะคุณคือ ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรเมื่อส่องกระจก และไม่คำนึงว่าคุณคิดอย่างไรกับคนอื่น

bookmark_borderทำไมเราถึงต้องแต่งหน้า

มีหลายสาเหตุที่ทำให้คนเราแต่งหน้าเป็น ไม่ได้มีเพียงเหตุผลเดียวที่ใช้ได้กับทุกคนและจะไม่ครอบคลุมทุกเหตุผล นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ฉันได้จากประสบการณ์ส่วนตัว

ฉันเดาว่าสิ่งแรกและอาจเป็นหลักคือรู้สึกมั่นใจ เรามองว่าการแต่งหน้าเป็นการปกปิดจุดบกพร่องที่เราไม่ต้องการให้ใครเห็น และอาจทำให้เราสวยและมีเสน่ห์ทางร่างกายมากกว่าที่เป็นอยู่ มันถูกออกแบบมาเพื่อดึงผู้คนออกจากสิวบนคางของคุณหรือรอยแดงที่เป็นรอย และแทนที่จะทำให้พวกเขามองที่ริมฝีปากสีแดงสดและสโมคกี้อายของคุณ ควบคู่ไปกับผิวสวยสม่ำเสมอ ไม่มีอะไรผิดปกติกับสิ่งนั้น ฉันไม่ต้องการที่จะกีดกันคุณจากการพยายามแต่งหน้าเพราะเหตุผลใดก็ตามที่คุณใช้มันถูกต้อง ทำไมเราถึงต้องแต่งหน้า

การแต่งหน้าสามารถอ้างว่าเป็นงานศิลปะได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะวาดภาพได้เหมือน Vincent Van Gogh หรือถ่ายภาพเหมือน Ansel Adams หรือแม้แต่เขียนแบบ J.K. โรว์ลิ่ง. อย่างไรก็ตาม ยังมีศิลปะรูปแบบอื่นๆ ให้สำรวจและการแต่งหน้าก็เป็นหนึ่งในนั้น มีความสามารถทางศิลปะในระดับต่างๆ

เมื่อพูดถึงการแต่งหน้าในแง่ของความกล้าหาญของคุณ และต้องใช้ทักษะในระดับที่ทุกคนสามารถทดลองใช้ได้ ฉันไม่สามารถวาดหรือระบายสีหรือมีศิลปะในแง่นั้นได้ แต่การแต่งหน้านั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและนั่นคือสิ่งที่ทำให้เป็นศิลปะ

ประการสุดท้าย เหตุผลที่สาม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ เมื่อคุณคิดถึงเรื่องนี้ ก็คือ  เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด    ดูเหมือนว่าโดยทั่วไปแล้วเราจะคาดหวังจากเรา ในนิตยสารทุกฉบับ ในทุกภาพถ่าย ผู้หญิงมักจะแต่งหน้า มันอาจจะดูบอบบาง แต่ก็ยังอยู่ที่นั่นและโดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงมีความคิดที่ว่าคุณจะสวยได้ 100% ถ้าคุณแต่งหน้า มันกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวใหญ่เรื่องหนึ่งและเป็นเรื่องราวในนิตยสารขนาดใหญ่หากคนดังอย่าง Kylie Jenner หรือ Adele ถูกจับได้ว่าไม่ได้แต่งหน้า พระเจ้าห้ามพวกเขาควรออกไปข้างนอกโดยมีลักษณะเช่นนี้หรือไม่

แต่ความจริงก็คือคุณไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าก็สวยได้ คุณสวยในแบบที่คุณเป็น ไม่เพียงแค่นั้น แต่คุณไม่ควรรู้สึกละอายใจกับการเลือกของคุณ หากคุณต้องการแต่งหน้าแบบจัดเต็มทุกวัน ให้แต่งตาแบบสโมกกี้และริมฝีปากที่เจิดจ้าที่สุด ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณไม่อยากออกไปข้างนอกโดยไม่แต่งหน้าก็ไม่เป็นไร

คุณแค่ทำในสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไรหรือทำไมคุณถึงเลือกแต่งหน้า ตัวเลือกนั้นก็ใช้ได้ คุณสามารถทำอะไรกับใบหน้าได้ตามต้องการ และคุณไม่ควรอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ ในการสวมใส่หรือไม่แต่งหน้า แต่การแต่งหน้านั้นก็เพื่อความมั่นใจและเสริมเสนห์ของเราให้มากขึ้นเท่านั้นเอง