เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง

เครื่องช่วยฟังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนที่มีปัญหาทางการได้ยิน ได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ในสังคม ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องช่วยฟังมากมายหลายยี่ห้อ และหลายช่องทางให้เราได้เลือกซื้อกัน วันนี้เลยอยากมาขอแนะนำเทคนิคการเลือกซื้อเครื่องช่วยฟัง ให้ได้ใช้เครื่องที่เหมาะกับเรามากที่สุดมาฝากกัน 

สำรวจงบในกระเป๋า 

แน่นอนว่าการจะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง เราต้องเช็กก่อนว่าเงินในการซื้อนั้นมีมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้เลือกสเป็คได้เหมาะสม บางคนมีอาการไม่รุนแรงมาก เครื่องช่วยฟังแบบปกติก็อาจทำหน้าที่ได้ดีเพียงพอแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจแบบไหนมากกว่ากัน ส่วนใหญ่เครื่องช่วยฟังงที่มีราคาสูงจะอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็น เครื่องช่วยฟัง ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มียี่ห้อที่เรารู้จักกันดี และมีแพทย์ร่วมดูอาการ จึงทำให้ราคาแพงกว่าการซื้อข้างนอก แต่ข้อดีคือการได้ความสบายใจ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำให้ถูกจุดจริงๆ 

สำรวจไลฟ์สไตล์ 

หลังจากที่รู้งบในการซื้อแล้ว เราจะมาแคบสเป็คให้เล็กลงมาอีก นั่นก็คือการเลือกประเภท ปกติแล้วเครื่องช่วยฟังจะมีให้เลือกทั้งแบบคล้องหลังหู แบบบลูทูธ และแบบใส่ในช่องหู ทั้งสามแบบนี้มีขนาดและรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป คนที่ไม่อยากให้ดูว่าใส่เครื่องช่วยฟัง แนะนำเป็นแบบใส่ในช่องหูหรือแบบบลูทูธ เพื่อพลางสายตาจากคนข้างนอก ส่วนคนที่ไม่ซีเรียสมาก หรือคนสูงอายุที่กลัวจะทำหล่นหาย แนะนำเป็นแบบคล้องหลังหู ใช้งานง่านเสียงชัดกว่ารุ่นอื่นๆ 

ตรวจเช็กประกัน

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะการซื้อเครื่องช่วยฟังนั้น มีราคาไม่น้อย เราต้องมีศูนย์รับประกันเครื่องสำหรับการใช้งาน เพื่อไม่ให้เราต้องจ่ายเงินซื้อใหม่บ่อยๆ สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ และการมีประกันช่วยให้เราสบายใจ ว่าตลอดการใช้งาน จะมีคนมาช่วยเหลือเราเมื่อมีปัญหาเกี่ยวเครื่อง ต่อให้เครื่องจะมียี่ห้อหรือราคาแพงแค่ไหน แต่ความน่าจะเป็นเรื่องความผิดพลาดในการผลิตก็ย่อมสามารถเกิดขึ้นได้ 

ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ

แม้ว่าโรงพยาบาลจะเป็นแหล่งซื้อเครื่องช่วยฟังที่น่าเชื่อมากที่สุด แต่ความจริงแล้วร้านค้าตัวแทนจากข้างนอกก็มีความน่าเชื่อถือไม่น้อยไปกว่ากัน แนะนำให้เช็กจากประวัติการค้าขาย เปิดร้านมากี่ปีแล้ว มีผู้เชี่ยวชาญในร้านมั้ย หรือว่าในร้านมีเครื่องมือตรวจเช็กที่น่าเชื่อถือได้มากน่อยแค่ไหน  

จะเห็นได้ว่าเครื่องช่วยฟังมีให้เลือกมากมายหลายประเภทมากๆ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกแบบไหน และที่สำคัญของการใช้งานคือการดูแลรักษา แม้จะมีราคาสูงแค่ไหน แต่ถ้าไม่ดูแลให้ดี ก็เสียหรือพังง่ายแน่นอน